มุมข่าวร้อนประเด็นดัง HOT !!

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คอลลาเจน Collagen ร่างกายรับได้เท่าไร การได้รับที่ถูกต้อง ความจริงเรื่องคอลลาเจน

คอลลาเจน Collagen ปัจจุบันนี้ ใครไม่รู้จักคำว่า คอลลาเจน Collagen เพราะด้วยเทคโนโลยี่ ที่พัฒนาสูงขึ้น เกิดมาพร้อมกับความเสื่อมโทรมบางอย่างที่ทำให้ เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมามากมาย หลายคนตระหนักถึงเรื่องสุขภาพและความงามกันมากขึ้น เมื่อสุขภาพไม่ดีสิ่งที่เสื่อมถอยที่เห็นได้ชัดจากภายนอกคือผิวพรรณ เมื่อสุขภาพภายในไม่ดี ผิวพรรณดูไม่แจ่มใสเหี่ยวย่น เริ่มมีริ้วรอยอาจจะด้วย ตามวัย ในผู้หญิง เมื่อร่างกายอายุได้ 30 ผิวพรรณจะเริ่มหย่อนคล้อย เนื่องจากร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง  คอลลาเจน  เป็น โปรตีน จาก จากเซลล์ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักๆของชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน สร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ มีส่วนประกอบถึง 25% ถึง 35% ของจำนวนหน่วยโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย โดยมีมากที่สุดที่ผิวหนัง 

คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นสายยาว ทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่วๆไป โดยปกติทั่วไปผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มากจึงเหมือนมีแรงสปริงตัวทำให้ผิวหนังแข็งแรง เรียบเนียนและ ทำให้ผิวยืดหยุ่น เด้งได้ดีตามไปด้วย ในเด็ก จะมีคอลลาเจนจำนวนมากกว่า สังเกตเด็กๆ จะมีผิวพรรณที่ดูดีกว่า ในวัยผู้ใหญ่ ในช่วงอายุในวัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป คอลลาเจนจะมีเริ่มเสื่อมสภาพลง  ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ชั้นผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เมื่อเกิดปัญหาผิวการยุบตัวจะตามมาได้ง่าย เกิดปัญหาของริ้วรอยเหี่ยวย่น 

ปัจจุบันภาพสื่อต่างๆ ดารานางแบบมักจะมีผิวพรรณที่สวยงาม และด้วยเทคโนโลยีข่าวสารที่สูงขึ้น การเข้าถึงความรู้ข้อมูลเรื่องสุขภาพและความงามได้ง่าย ผู้ที่รักสุขภาพและอยากสวยมีความตระหนักมากขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการบำรุงสุขภาพ ผิวพรรณ เื่พื่อสนองความต้องการ มีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ผลิตออกมา เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการอยากสวย อยากผิพรรณดีเหมือนดารานางแบบต่างๆ มีผลิตภัณฑ์ คอลลาเจนมากมาย ทั้งถูกทั้งแพงออกมาแข่งขันกันจำนวนมาก ให้หาเลือกซื้อกัน

การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน ควรตระหนักว่า การทานคอลลาเจนเข้าไปมากๆ ก่อนที่คอลลาเจนจะเข้าสู่ร่างกายได้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการย่อยสลายเสียก่อน จากโปรตีนสายยาวจะถูกย่อยเป็นชิ้นเล็กๆให้เหลือหน่วยที่เล็กที่สุด คือกรดอะมิโน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าไปได้ง่าย แล้วนำไปประกอบเป็นโปรตีนให้ร่างกายนำไปใช้ผลิตเป็นโปรตีนเพื่อใช้ ในชั้นผิวใหม่อีกครั้ง ดังนั้น พูดถึงถ้าโดยเฉพาะเป็นคลีมที่โฆษณาว่ามีส่วนผสมของคอลลาเจน ที่ใช้ภายนอกแน่นอนคอลลาเจนไม่สามารถจะถูกดูดซึมเข้าไปผ่านทางผิวหนังเพื่อไปเสริมเสร้างชั้นผิวจากภายนอกได้แน่นอน เพราะคอลลาเจน  เป็นโปรตีนที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ

ความจำเป็นเรื่องการเสริมสร้างคอลลาเจนที่ถูกต้อง ในการกินคอลลาเจนเพิ่มคอลลาเจน ตามที่ได้กล่าวมาข้าวต้น การทานอาหารเสริม คอลลาเจนมากๆ ไม่ได้หมายความว่า จะได้รับคอลลาเจนเข้าไปในร่างกายจำนวนมาก เพราะ คอลลาเจนเมื่อถูกทานเข้าไปก็ต้องถูกย่อยสบายกลายเป็นกรดอะมิโนเสียก่อนที่ร่างกายจะดูดซึมเข้าไป แล้วในตัวคอลลาเจนเอง เมื่อย่อยสบายแล้ว ได้กรดอะมิโนส่วนใหญ่ในคอลลาเจนเป็นกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น เช่น ไกลซีน อะลานีน และโพรลีน ร่างกายสามารถสร้างได้เอง เพียง 3 ชนิดนี้รวมกัน

กรดอะมิโนในสิ่งมีชีวิตมีชีวิตมี 20 ชนิด ในจำนวนนี้มี 8 ชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ หรือสังเคราะห์ได้แต่ไม่เพียงพอ จึงต้องรับเอาจากการกินอาหาร เรียกกรดอะมิโนในกลุ่มนี้ว่ากรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งได้แก่ ไอโซลูซีน (isoleucine) ลูซีน (leucine) ไลซีน (lysine) เมทไธโอนีน (methionine) เฟนนิลอลานีน (phenylalanine) ทริโอนีน (threonine) ทริปโตเฟน (tryptophan) และวาลีน (valine)

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่เกิดจากกรดอะมิโนเพียงไม่กี่ชนิดเรียงตัวซ้ำไปซ้ำมา  1 ใน 3 ของ กรดอะมิโนที่ประกอบเป็นคอลลาเจน คือ ไกลซีน โพรลีนและไฮดรอกซีโพรลีนรวมกัน ซึ่งกรดอะมิโนทั้งสามนี้ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองอยู่แล้ว เมื่อร่างกายได้รับมากขึ้น เกินความจำเป็นร่างกายก็ต้องขับถ่ายออกไป แล้วบริโภคคอลลาเจนปริมาณมากๆ  ท่านอาจจะเสียเงินตามคำกล่าวโฆษณาเกินจริง

การกินคอลลาเจนร่างกายจะย่อยสลายกลายเป็นกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโปรตีนทุกชนิด รวมทั้งคอลลาเจนด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากรดอะมิโนที่ได้รับจากการย่อยสลายคอลลาเจนมาจะถูกนำไปสร้างเป็นคอลลาเจน ในผู้สูงอายุร่างกายมีการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังน้อยลง ไม่ได้เป็นเพราะขาดกรดอะมิโนที่เป็นวัตถุดิบในการสร้างคอลลาเจน แต่เป็นเพราะกลไกต่างๆ ในการสร้างคอลลาเจนเสื่อมลดไปตามอายุ การกินกรดอะมิโนเพิ่มขึ้นจึง แทบจะไม่ "ช่วยเสริมสร้าง" คอลลาเจนในผิวหนังเลย

เมื่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนลดน้อยลงตามอายุ และคอลลาเจนเสื่อมสลายเองตามอายุ ควรที่จะตระหนักว่าทำอย่างไรจึงจะช่วยให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนดีขึ้นและป้องกันไม่ให้คอลลาเจนที่มีอยู่เสื่อมสลายลง ง่ายๆการทานอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างกระบวนการสร้างคอลลาเจนและ เพื่อป้องกันการถูกทำลายของคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกว่าการทานคอลลาเจน เพิ่มเข้าไปปริมาณมากๆ เสียอีก 

ทานอะไรเพื่อเสริมสร้างและป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจน 

1. อาหารที่มีสารซัลเฟอร์ เป็นสารอาหารที่สำคัญมากต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน ทำหน้าที่ในการรักษาระดับคอลลาเจนให้สูงไม่ให้เสื่อมสภาพ
พบมากใน 
- แครอตดิบ 
- แคนตาลูปสด 
- ผักขึ้นฉ่ายสด 
- แตงกวาสด ที่มากด้วยวิตามินเอ 
- และพบมากที่สุดในกระเทียม สารซัลเฟอร์ที่มีมากในกระเทียมจะช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน อีกทั้งยังมีสารทอรีน (taurine) และไลปออกเอซิด (lipoid acid) ที่่นอกจากจะช่วยในการซ่อมแซมคอลลาเจนที่เสียหายแล้ว ยังช่วยควบคุมระดับคอเรสเตอรอลอีกด้วย
2. ผลไม้สีแดง มีสารไลโคปีนที่เด่นในเรื่องแอนติออกซิแดนท์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน และสารไลโคปีน (lycopene) จะช่วยยับยั้งเอนไซม์คอลลาจีเนส (Collagenases) ที่จะเข้าไปทำลายชั้นคอลลาเจน โดยเฉพาะในมะเขือเทศ เป็นที่รู้กันว่ามะเขือเทศมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้มะเขือเทศจัดเป็นอาหารชะลอความแก่ตัวสำคัญ เด่นเรื่อง มีไลโคปีนมาก
3. กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ได้จากปลาทะเลน้ำลึก  หรือปลาทะเลอื่นๆ โดยเจ้าโอเมก้า 3 เป็นส่วนหนึ่งในการใช้สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ช่วยคงความชุ่มชื้นและแข็งแรง ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน จึงส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส
4. วิตามินซี  มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน โดยวิตามินซีมีบทบาทในปฏิกิริยา hydroxylation ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน และยังสามารถยับยั้งเอนไซม์ matrix metalloprotenase (MMPs) ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถตัดย่อยคอลลาเจน วิตามินซีมีบทบาทในการเป็นปัจจัยร่วมระหว่างขั้นตอนการสังเคราะห์คอลลาเจน หากร่างกายขาดวิตามินซี คอลลาเจนที่สร้างขึ้นก็จะเกิดการแตกหัก    

ทั้งหมดทั้งมวล ร่างกายเรา จริงๆแล้ว ทาง อ.ย.บ้านเราบอกว่าไม่ควรกินคอลลาเจนเกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่แนะนำแบบที่เหมาะสม คือ วันละ 5,000 มิลลิกรัมก็พอค่ะ กินมากเกินไป ข้อแรกเลยคือเปลืองเงิน ร่างกายก็ขับออกมาอยู่ดีค่ะ และ ในคอลลาเจนบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมอื่นๆ อยู่ การกินสองยี่ห้อพร้อมกันอาจได้สารอื่นมากเกินไป ตับไตทำงานหนักอีกค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น