ปกติร่างกายควรได้รับปริมาณวิตามินซี สำหรับผู้หญิงที่มีอายุ ตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน (แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) เนื่องจากวิตามิน ซี เป็นวิตามินที่ละลายน้ำและถูกขับออกทางปัสสาวะได้ ดังนั้นจึงควรบริโภคอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพ ที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม
หากเราได้รับ วิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด
จากแหล้งอ้างอิง pantip "
แง่ความงาม *** ช่วยเรื่องผิวพรรณ ยี่งทานคู่กับ คอลลาเจน Q10 ไฮยาลูรอน กลูตาไทโอน วิตามิน B วิตามินซี จะเป็นตัวช่วยในการดูดซึมวิตามินเสริมเหล่านั้นได้ดี
แง่สุขภาพ *** จากผลการวิจัย(ที่ไหนเราก็จำไม่ได้) เค้าบอกว่า วิตซีมีสารต้านอนุมูลอิสระพูดง่ายๆ ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายไม่เสื่อมเร็ว และถ้าได้รับในปริมาณที่เพียงพอจะทำให้มีภูมิต้านทาน ไม่เป็นหวัดง่าย
แต่ทุกอย่างก็ต้องรับประทานอย่างเหมาะสมค่ะ คนที่ทานผักผลไม้เพียงพออยู่แล้ว วิตตามินซีเสริมก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อมาทาน เพราะถึงทานไปร่างกายก็จะขับส่วนที่เกินออกมากับปัสสาวะค่ะ เรียกว่าเสียเงินฟรีไปค่ะ "
ประโยชน์ของวิตามิน ซี เมื่อรับในปริมาณดังกล่าว เป็นปริมาณที่ร่างกายต้องการเพื่อ
6. สร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ตัวนี้สร้างความยืดหยุ่นให้ผิวพรรณ
7. ช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น
แหล่งวิตามินในธรรมชาติ
- อะเซโรลาเชอรี่- ฝรั่ง - สับปะรด
- ตระกูลกะหล่ำ กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี
- บรอกโคลี
- น้ำมะนาว
- มันฝรั่ง
- กล้วยชนิดต่างๆ
- พริกหวาน
- ผักโขม
- สตรอว์เบอร์รี่
- มะเขือเทศ
- มะละกอ
- อะเซโรลาเชอรี่- ฝรั่ง - สับปะรด
- ตระกูลกะหล่ำ กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี
- บรอกโคลี
- น้ำมะนาว
- มันฝรั่ง
- กล้วยชนิดต่างๆ
- พริกหวาน
- ผักโขม
- สตรอว์เบอร์รี่
- มะเขือเทศ
- มะละกอ
- เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัว อื่นๆ เช่น วิตามินอี จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินซี
- เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน 1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด
- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
- วิตามินซี จากธรรมชาติ จะให้ผลดีกว่าวิตามินซี สังเคราะห์
ข้อควรระวังสำหรับการทานวิตามีนซีในปริมาณมากๆ
การบริโภควิตามิน ซี ในปริมาณที่สูงกว่าที่กำหนดไว้ (60 มิลลิกรัม / วัน) ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้ (แต่ก็พบได้ยากมาก เนื่องจากวิตามิน ซี ละลายน้ำได้ดีและถูกขับออกทางปัสสาวะได้ง่าย) ได้แก่
- โรคเกาต์ เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆ มากขึ้น
- นิ่วในไต การได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิวในไต - โลหิตจาง เนื่องจากไปขัดขวางการดูดซึมของวิตามิน บี12 - ท้องเสีย หากได้รับวิตามินซีเกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้
หากบริโภควิตามิน ซี ในปริมาณสูงกว่าที่กำหนด ควรทานหลังหรือพร้อมอาหารและดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับออกมาได้เองทางปัจสาวะ
- เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน 1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด
- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
- วิตามินซี จากธรรมชาติ จะให้ผลดีกว่าวิตามินซี สังเคราะห์
ข้อควรระวังสำหรับการทานวิตามีนซีในปริมาณมากๆ
การบริโภควิตามิน ซี ในปริมาณที่สูงกว่าที่กำหนดไว้ (60 มิลลิกรัม / วัน) ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้ (แต่ก็พบได้ยากมาก เนื่องจากวิตามิน ซี ละลายน้ำได้ดีและถูกขับออกทางปัสสาวะได้ง่าย) ได้แก่
- โรคเกาต์ เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆ มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น